ประวัติ ของ พระมงคลวุฒ (เครื่อง สุภทฺโท)

หลวงปู่เครื่อง สุภทฺโท ท่านมีนามเดิมว่า เครื่อง ประถมบุตร เกิดเมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2453 ณ บ้านค้อกำแพง (ปัจจุบันคือ บ้านหนองแปน) หมู่ที่ 3 ต.สระกำแพงใหญ่ อ.อุทุมพรพิสัย จ.ศรีสะเกษ เป็นบุตรของนายสอน และ นางยม ประถมบุตร มีพี่น้องร่วมบิดามารดาทั้งหมด 14 คน ท่านเป็นบุตรคนที่ 4 แต่พี่น้องเสียชีวิตไปในวัยเยาว์ 6 คน คงเหลืออยู่เพียง 8 คน ต่อมาเมื่อวัยเยาว์ตอนอายุได้ 8 ปี ท่านได้ศึกษาเล่าเรียนภาษาไทย กับลุงเกษ ประถมบุตร ซึ่งเป็นลุงแท้ ๆ ของท่าน ซึ่งเป็นครูสอนอยู่กับบ้านตอนเย็นหรือตอนกลางคืนเวลาว่างๆ เท่านั้น ครั้นต่อมาเมื่อมีอายุได้ 15 ปี ท่านก็ได้เข้าเรียนที่โรงเรียนรัฐบาลที่วัดสระกำแพงใหญ่ และมีพพี่น้องของท่านได้เข้าไปเรียนหนังสือพร้อมกันถึง 3 คน แต่ว่าไม่มีใครช่วยพ่อแม่ทำเกษตรกรรมหรือเลี้ยงสัตว์ โยมพ่อจึงให้พี่น้องพลัดกันไปเรียนคนละวัน ต่อมาหลวงปู่จึงได้ตัดสินใจมเล่าเรียนที่โรงเรียนคนเดียว ท่านเรียนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ชั้นยประถมศึกษาปีที่ 2 ท่านเรียนได้ครึ่งปี รัฐบาลก็มีกำหนดใหม่เปลี่ยนแปลง ต่อมาท่านก็ออกมาช่วยพ่อแม่ทำงานเลี่ยงชีพ รับผิดชอบในหน้าที่ทุกอย่างของผู้หญิง เสียสละช่วยเหลืทอพ่อแม่ทุกอย่างทั้งงานบ้านและงานเกษตรกรรมและอุตสาหกรรม [1] ต่อมาเมื่อมีอายุได้ 21 ปี ท่านได้ตัดสินใจอุปสมบทเป็นพระภิกษุเมื่อปี พ.ศ. 2474 ณ พัทธสีมาวัดสำโรงน้อย หมู่ 6 ต.หนองห้าง อ.อุทุมพรพิสัย จ.ศรีสะเกษ โดยมีพระครูเทวราชกวีวรญาณ (จูม ธฺมมทีโป) เป็นพระอุปัชฌาย์, พระอาจารย์ใบฎีกาชม เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระอาจารย์พรหมมา เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า “สุภัทโท” ซึ่งแปลว่า “ผู้ประพฤติงาม” [2] และหลังจากอุปสมบทแล้ว โยมมารดาได้ล้มป่วยหนักและเสียชีวิตลง ต่อมาเมื่ออกพรรษา ญาติพี่น้องได้พูดขอร้องให้หลวงพ่อสึกออกมา หลวงพ่อท่านก็ยังไม่ตกลงใจ ก่อนที่จะสึกออกมา โยมพ่อของท่านบอกให้ท่านเป็นพระสฆ์ต่อไป เพราะ ถึงอย่างไหนท่านก็ช่วยน้องไม่ได้ จงแสวงหาทางพ้นทุกข์เถิด [3] ต่อมา ท่านตัดสินใจเดินทางไปวัดทุ่งไชย เพื่อไปศึกษาเล่าเรียนคัมภีร์มูลกัจจายน์ เป็นเวลา 2 เดือน ก่อนเดินทางต่อไปที่วัดบ้านยางใหญ่ ต.เมืองแคน อ.ราษีไศล จ.ศรีสะเกษ ฝากตัวเป็นศิษย์กับพระอุปัชฌาย์สาย เจ้าอาวาส เพื่อขอเรียนบาลีและคัมภีร์มูลกัจจายน์ พระอุปัชฌาย์สาย เอ็นดูลูกศิษย์คนนี้มาก ด้วยผลการเรียนเป็นที่น่าพอใจ ท่านเรียนได้ดี ทั้งในการแปลภาษาบาลีเป็นประโยคคล่องแคล่วและใส่สัมพันธ์ด้วย เริ่มตั้งแต่การสนธิ เป็นต้นไป จนกระทั่งท่านได้สามารถสอบได้นักธรรมชั้นตรีในปี พ.ศ. 2479 และได้สอบนักธรรมชั้นโทเมื่อปี พ.ศ. 2480 และต่อมาในวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2480 ท่านได้รับตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดพงพรต ท่านได้ดำรงตำแหน่งอยู่ 10ปี ก็พ้นจากตำแหน่งเมื่อปี พ.ศ. 2494 และย้ายมาจำพรรษาอยู่ที่ วัดสระกำแพงใหญ่ เมื่อปี พ.ศ. 2495 พร้อมกับได้รับตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดสระกำแพงใหญ่ รูปที่ 7 [4] หลังจากได้รับตำแหน่งเจ้าอาวาสท่านก็เปิดสอนพระปริยัติธรรม และได้พัฒนาวัดสระกำแพงใหญ่ รวมทั้งเป็นประธานก่อสร้างมหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย และได้พัฒนาสร้างพัฒนาวัด เมรุ ศาลา กุฏิ ต่อมาท่านได้อาพาธเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลศรีสะเกษเมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม และย้ายมารักษาตัวที่โรงพยาบาลสรรพสิทธิ์ จนกระทั่งได้ละสังขารด้วยอาการสงบเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2551 รวมสิริอายุได้ 98 ปี บวชพระมาได้ 77 พรรษา ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดพงพรตได้ 10 ปี ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสได้ 56 ปี [5]